วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คำกริยา


คำกริยา  คือ  คำที่แสดงอาการของนามหรือสรรพนาม  หรือแสดงการกระทำของประธานแบ่งออกเป็น  ๔  ชนิด  คือ
                ๑.  กริยาที่ไม่ต้องมีกรรม  (อกรรมกริยา)  คือ  กริยาที่มีความหมายสมบูรณ์ในตังเองไม่ต้องมรกรรมมารองรับ  เช่น  ไก่ขัน, ลมพัด, น้องหัวเราะ, เต่าคลาน
                ๒. กริยาที่ต้องมีกรรม  (สกรรมกริยา)  คือ  กริยาที่ต้องมีกรรมมารับรองจึงจะมีความหมายสมบูรณ์  เช่น  แมงป่องชูหาง, แมลงปอกินยุง, คนสวยปลูกมะพร้าว
                ๓. กริยาที่ต้องมรนามหรือสรรพนามมารับ  แต่ไม่ใช้กรรม เรียกว่ากริยาอาศัยส่วนเติมเต็ม (วิกตรรถกริยา)  คือ  กริยาที่มีความหมายไม่สมบูรณ์ในตนเอง  ต้องมีนามหรือสรรพนามมาขยายจึงจะได้ใจความ  ได้แก่  เป็น  เหมือน  คล้าย  เท่า  คือ  ราวกับ
                เขาคือวีรบุรุษ
                ท่านเหมือนพ่อพิมพ์ของชาติ
                เขาพูดคล้ายนักการเมือง
                                หวัดเป็นโรคติดต่อที่ไม่ร้ายแรง
๔. กริยาช่วย  (กริยานุเคราะห์)  คือ  คำช่วยกริยาที่นำมาใช้เติมหน้าหรือประกอบกริยาหลักให้ได้ความครบถ้วนหรือมีความหมายชัดเจนขึ้น  เช่น  แสดงความบอกเล่าธรรมดา  ความเห็นหรือความประสงค์  ความคาดคะเน  ความเชื่อแน่  ความอ้อนวอน  ความบังคับ  บอกเวลาสมบูรณ์  ปัจจุบัน  อดีต  อนาคต  บอกประธานเป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ
๔.๑  เป็นกริยาช่วยอย่างเดียว  เช่น  ย่อม  กำลัง  จะ  จัก  พึง  ควร  น่า  จง  อย่า
                                คนเราย่อมตาย                                     (บอกความปรกติธรรมดา)
                                เขากำลังเขียนหนังสือ                        (บอกเวลาปัจจุบัน)
เขาจะไปตลาด                                      (บอกเวลาข้างหน้า)
เด็กพึงเชื่อฟังผู้ใหญ่           (บอกความเห็นหรือความประสงค์)
นักเรียนควรออกเสียงภาษาไทยให้ชัดเจน    (บอกความเห็นหรือความประสงค์)
เมืองไทยจงเจริญ                                (บอกความอ้อนวอน)
อย่าเดินเสียงดัง                                   (บอกความบังคับ)
                     ๔.๒  เป็นกริยาต่างจำพวกได้  กริยาช่วยบางตัวถ้าอยู่ลอย ๆ  ไม่ได้ประกอบกริยาอื่นจัดเป็นกริยาไม่ต้องมีกรรม  หรือกริยามีกรรมสุดแต่ใจความ  เช่น
เขาทำงานบ้านอยู่                                (บอกเวลาปัจจุบัน)
                                เขาอยู่บ้าน                                            (กริยาไม่มีกรรม)
                                เขาได้เป็นประธานนักเรียน              (บอกเวลาอดีต)
                                อย่าถูกตัวฉัน                                        (กริยามีกรรม)
                                เขาไปแล้ว                                             (บอกเวลาสมบูรณ์)
                                เขาต้องเรียนหนังสือ                          (บอกความเชื่อแน่หรือความบังคับ)
                                ยาเสพติดถูกทำลาย                             (บอกประธานเป็นผู้ถูกกระทำ)
                กริยานอกจากจะทำหน้าที่แสดงอาการในประโยคโดยตรงแล้ว  ยังอาจทำหน้าที่อื่นได้อีก  เช่น  ทำหน้าที่อย่างวิเศษณ์ขยายนามหรือสรรนาม  และทำหน้าที่ประธานหรือกรรมในประโยคได้อย่างนามหรือสรรพนาม  กริยาชนิดหลังนี้บางท่านเรียกว่า  กริยาสภาวมาลา
                ทำหน้าที่วิเศษณ์  เช่น
                                มะม่วงหล่นมักเน่าง่าย                      (หล่น  ขยายมะม่วง)
                                เขากินมะม่วงสุก                                 (สุก  ขยายมะม่วง)
                ทำหน้าที่ประธานของประโยค  (กริยาสภาวมาลา)
                                เล่นกีฬาทำให้สุขภาพแข็งแรง
                                ดื่มสุราให้โทษแก่ร่างกาย
                ทำหน้าที่กรรมของประโยค  (กริยาสภาวมาลา)
                                ฉันไม่ชอบเล่นกีฬา
                                ฉันไม่ชอบดื่มสุรา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น